พ่อ เด็ก 17 ที่เป็นข่าว ขอโทษสังคมแทนลูก วอนอย่าซ้ำเติม

วิเคราะห์กรณี “สมรักษ์” เกี่ยวกับคดีข่มขืนน้องสาวอายุ 17 ปีที่ถูกกล่าวหาว่าถูกน.ต.สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตทหารเรือและนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกข่มขืนในโรงแรมที่ขอนแก่น เมื่อน้องได้แจ้งความดำเนินคดี น.ต.สมรักษ์ ตอนแรกแล้วเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และตั้งทนายมาในการต่อสู้คดี

การพูดคุยในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ที่จัดขึ้นโดยพีระวัฒน์ อัฐนาค ซึ่งมีคำถามจาก อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด และ กัน จอมพลัง ได้มีการอภิปรายกับกรณีนี้ โดยครอบครัวขอร้องให้ช่วยเหลือ

กัน จอมพลัง ระบุว่า หลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น น้องและยายได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพักเด็กของ พม. แม่ของน้องผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล และเขากังวลว่าคดีนี้อาจจะเงียบ เพราะคู่กรณีเป็นคนดัง แต่เขาต้องบอกในสภาพที่แม่ของน้องคือตำแหน่งที่มีความสำคัญทางจิตใจ และต้องพยายามดูแลให้ได้

เรื่องนี้ยังได้ถูกสรุปว่ามีด้านสอง คุณตาเปิดเผยว่าถ้าเลี้ยงหลานดีและดูแลดี หลานคงจะไม่หนีเที่ยว เขาทำในทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย และคู่กรณีควรเป็นธรรม เขายังได้ระบุว่า น้องไม่มีประวัติแบล็กเมล์หรือพฤติกรรมข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม

ทั้งนี้ น้องและครอบครัวต่างได้ทำการย้ายออกจากบ้านเดิมและต้องเคลียร์สถานการณ์ในสังคม พร้อมตอบคำถามตนให้ได้ และต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อต่อสู้คดี

ในส่วนที่อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส ให้ข้อมูล รู้ว่าการคาดว่ามีเรื่องแบล็กเมล์มาก่อนหรือไม่นั้น ความจริงต้องไปสืบประวัติจากหลานเพิ่มเติม และทำให้เข้าใจว่าเรื่องนี้มีสองด้าน ต้องการความธรรมทั้งสองฝ่าย เขาบอกว่า หลานฉันเป็นคนดีและไม่ได้เข้าข้างตัวเองมาก และต้องเคลียร์สถานการณ์ในสังคมให้ได้ พร้อมรับความจริงที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ทางครอบครัวได้มีการติดต่อคนกลางเข้ามาช่วย ซึ่งกัน จอมพลัง ทำหน้าที่นั้น และให้ข้อมูลว่าไม่ได้ด้านตรงข้าม แต่ต้องเตรียมตัวในคดีนี้ในฐานะคนกลาง

ในส่วนของร้านที่อ้างว่าน้องนำรูปบัตรประชาชนที่มีการปลอมมาแสดง น้องต้องการให้ร้านนำรูปนั้นออกมาเพื่อเป็นหลักฐานในการพิสูจน์ความจริง โดยท่านนำเสนอว่าในที่นั้นไปกับ 3 คนที่โชว์รูปบัตรประชาชนจากมือถือและคนที่มีอายุน้อยกว่าโชว์บัตรประชาชนตัวจริง แต่ก็ยังสามารถเข้าได้ ถ้าเรื่องจริงดังนี้ ร้านก็อาจมีความผิด

เมื่อถามถึงกรณีที่สมรักษ์ถูกกล่าวหาว่าอนาจาร ปลายทางจะเป็นอย่างไร อ.ปรเมศวร์เผยว่าต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าสมรักษ์อยู่กับน้องในห้องจริงๆหรือไม่ และตัวเองเห็นด้วยว่าน้องเขาคงไม่ได้แบล็กเมล์ เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่แจ้งความทันที เขาต้องรอเวลาหรือมีการต่อรอง

ส่วนที่คุณสมรักษ์บอกว่าไม่ได้กระทำชำเรา หรือข่มขืน และไม่มีใครบอกว่าเขากระทำชำเรา หรือข่มขืน เพราะเขาอยู่ในขั้นกระทำอนาจาร เพราะเขาบอกว่านอนถอดเสื้อผ้า กอด พอรู้ว่าเขาอายุ 17 ปี ก็หยุด นั้นเป็นข้อหลังคาที่ใช้เพื่อปกป้องตัวเอง โดยคุณสมรักษ์เคยยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของเขาที่ไม่ดูแลเด็กให้ดี

นอกจากนี้ มีภาพที่แสดงถึงการนำมือน้องเข้าในโรงแรม ซึ่งอาจถือเป็นการ “พา” ไปเพื่อการอนาจาร ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แม้ว่าน้องจะเป็นผู้เสียหายในที่นี้ แต่การกระทำเช่นนี้ถือว่าน่ากลัว นอกจากนี้ เรื่องของการ “พราก” ผู้เยาว์จากอำนาจการปกครองของคุณตาก็ถือว่าผิด แม้เด็กจะยินยอมก็ตาม

ด้านคุณพ่อที่เลี้ยงน้องเล่าถึงสถานการณ์ว่าน้องอยู่กับตายายที่กาฬสินธุ์ ในขณะที่พ่อและแม่กำลังทำงานที่อยุธยา พ่อได้บอกครอบครัวว่าจะไปสอบที่ขอนแก่น และเดินทางไปกับเพื่อนแถวบ้านที่น้องอยู่ น้องเล่าว่าไปที่ขอนแก่นเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อไปสอบ และตอนเย็นโทรมาบอกแม่ว่าจะไปห้าง แม้ว่าเขาจะโทรบอกตลอด แต่ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนต่อ ทราบเพียงตอนเช้าวันถัดไปจากเพื่อนของแม่ว่าน้องถูกลวนลามที่โรงแรมโดยนายสมรักษ์ น้องกลัวจึงไม่กล้าบอกที่บ้าน

พ่อกล่าวว่าตอนนี้สภาพจิตใจของน้องค่อนข้างย่ำแย่ เพราะได้อ่านคอมเมนต์แย่ๆ และพ่อต้องการที่จะเป็นตัวแทนของลูก ขอโทษสังคม และแสดงความเสียใจกับพฤติกรรมของลูก พ่อต้องการให้ทุกคนรู้ว่าลูกอาจทำตัวไม่ดี แต่อย่าซ้ำเติมลูก

เมื่อถามว่าน้องมีการเปลี่ยนที่อยู่หลังจากเหตุการณ์นี้หรือไม่ พ่อเล่าว่าน้องไม่ได้กลับบ้านดึกๆหรือเดินเล่นไปที่ไหน ส่วนใหญ่จะไปเล่นวอลเลย์บอลแถวบ้านเพราะยายค่อนข้างดุ และมีความเป็นระเบียบ นี่เป็นครั้งแรกที่น้องเข้าผับและไปไกลจากบ้านครั้งแรก เพราะส่วนใหญ่หากปิดเทอม ตนจะพามาอยู่ที่อยุธยา

เมื่อถามว่าทราบไหมว่าน้องอายุ 17 ปีก่อนที่จะพาไปโรงแรม หรือรู้หลังจากพาเข้าโรงแรมแล้ว ต่างกันหรือไม่ อ.ปรเมศวร์เผยว่าถ้ารู้ที่ผับว่าอายุ 17 จบเลย เถียงไม่ได้ ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ แต่ถ้าไปรู้ที่โรงแรม คือทำอะไรไป แล้วมารู้ว่าอายุ 17 แล้วหยุด จะกลายเป็นว่า ไม่ได้ตั้งใจล่วงละเมิด หรืออนาจาร ถ้าเป็นแบบนี้ก็พอที่จะสู้คดีได้ว่าไม่มีเจตนา แต่จะมาสงสัยว่าแล้วทำไมผับให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 เข้าได้ ดูอย่างการจับผับที่ผ่านมาต่ำกว่า 20 ปีทั้งนั้น

ส่วนที่ถามว่าผับจะฟ้องได้ไหม ถ้าเขานำบัตรประชาชนปลอมมาแสดง ตนถามว่าจะฟ้องอะไร เพราะมันเป็นหน้าที่ของผับที่จะต้องตรวจให้รอบคอบ ถ้าแสดงบัตรแล้วอายุไม่เกิน 20 ปี ก็ต้องไม่ให้เข้า แต่ถ้าให้เข้า คุณก็แสวงหา ถ้าเอารูปบัตรปลอมมาแสดง อันนี้ผิด แต่คนตรวจผิดมากกว่าไหม ประมาท เลิศเล่อ ไม่รอบคอบ เราจะใช้สำเนาบัตรไม่ได้ เพราะปัจจุบันกรมการปกครองให้ใช้แอปฯ Thai ID

ขอบคุณบทความจาก : เด็ก 17 ที่เป็นข่าว